อินเตอร์เน็ต
ความหมายของอินเตอร์เน็ต
อินเทอร์เน็ต (Internet) หมายถึง
เครือข่ายคอมพิวเตอร์นานาชาติ
ที่มีสายตรงเชื่อมต่อไปยังสถาบันหรือหน่วยงานต่าง ๆ
เพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ผู้ใช้ทั่วโลก.
ผู้ใช้เครือข่ายนี้สามารถสื่อสารถึงกันได้ทางอีเมล์
สามารถสืบค้นข้อมูลและสารสนเทศ รวมทั้งคัดลอกแฟ้มข้อมูลและโปรแกรมมาใช้ได้.
อย่างไรก็ตาม มีผู้เปรียบเทียบว่า
อินเทอร์เน็ตเป็นเหมือนทางหลวงระหว่างประเทศ
แต่ละประเทศจะต้องมีถนนเข้ามาเชื่อมต่อเข้าไปในประเทศ กล่าวคือ
จะต้องมีเครือข่ายภายในรับช่วงต่ออีกทอดหนึ่ง (เช่น
เครือข่ายภายในมหาวิทยาลัย, องค์กร
หรือเครือข่ายของผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ต) มิฉะนั้นก็จะใช้ไม่ได้ผล
ความสำคัญของอินเทอร์เน็ต
ในปัจจุบันอินเทอร์เน็ตมีบทบาทและมีความสำคัญต่อชีวิตประจำวันของคนเราเป็น
อย่างมาก เพราะทำให้วิถีชีวิตเราทันสมัยและทันเหตุการณ์อยู่เสมอ
เนื่องจากอินเทอร์เน็ตจะมีการเสนอข้อมูลข่าวปัจจุบัน และสิ่งต่าง ๆ
ที่เกิดขึ้นให้ผู้ใช้ทราบเปลี่ยนแปลงไปทุกวัน
สารสนเทศที่เสนอในอินเทอร์เน็ตจะมีมากมายหลายรูปแบบเพื่อสนองความสนใจและ
ความต้องการของผู้ใช้ทุกกลุ่ม
อินเทอร์เน็ตจึงเป็นแหล่งสารสนเทศสำคัญสำหรับทุกคนเพราะสามารถค้นหาสิ่งที่
ตนสนใจได้ในทันทีโดยไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปค้นคว้าในห้องสมุด
หรือแม้แต่การรับรู้ข่าวสารทั่วโลกก็สามารถอ่านได้ในอินเทอร์เน็ตจากเว็บไซ
ต์ต่าง ๆ ของหนังสือพิมพ์
ดังนั้นอินเทอร์เน็ตจึงมีความสำคัญกับวิถีชีวิตของคนเราในปัจจุบันเป็นอย่าง
มากในทุก ๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นบุคคลที่อยู่ในวงการธุรกิจ การศึกษา
ต่างก็ได้รับประโยชน์จากอินเทอร์เน็ตด้วยกันทั้งนั้น
1. ด้านการศึกษา อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญ ดังนี้
1. สามารถใช้เป็นแหล่งค้นคว้าหาข้อมูล
ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลทางวิชาการ ข้อมูลด้านการบันเทิง ด้านการแพทย์
และอื่น ๆ ที่น่าสนใจ
2. ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต จะทำหน้าที่เปรียบเสมือนเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่
3.
นักเรียนนักศึกษาสามารถใช้อินเทอร์เน็ตติดต่อกับมหาวิทยาลัยหรือโรงเรียน
อื่น ๆ เพื่อค้นหาข้อมูลที่กำลังศึกษาอยู่ได้
ทั้งที่ข้อมูลที่เป็นข้อความเสียง ภาพเคลื่อนไหวต่าง ๆ
2. ด้านธุรกิจและการพาณิชย์ อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญดังนี้
1. ค้นหาข้อมูลต่าง ๆ เพื่อช่วยในการตัดสินใจทางธุรกิจ
2. สามารถซื้อขายสินค้า ทำธุรกรรมผ่านระบบเครือข่าย
3. เป็นช่องทางในการประชาสัมพันธ์ โฆษณาสินค้า ติดต่อสื่อสารทางธุรกิจ
4. ผู้ใช้ที่เป็นบริษัท หรือองค์กรต่าง ๆ
ก็สามารถเปิดให้บริการ
และสนับสนุนลูกค้าของตนผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ เช่น
การให้คำแนะนำ สอบถามปัญหาต่าง ๆ ให้แก่ลูกค้า แจกจ่ายตัวโปรแกรมทดลองใช้
(Shareware) โปรแกรมแจกฟรี (Freeware)
3. ด้านการบันเทิง อินเทอร์เน็ตมีความสำคัญดังนี้
1. การพักผ่อนหย่อนใจ สันทนาการ เช่น
การค้นหาวารสารต่าง ๆ ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ที่เรียกว่า
Magazine Online รวมทั้งหนังสือพิมพ์และข่าวสารอื่น ๆ
โดยมีภาพประกอบที่จอคอมพิวเตอร์เหมือนกับวารสารตามร้านหนังสือทั่ว ๆ ไป
2. สามารถฟังวิทยุหรือดูรายการโทรทัศน์ผ่านระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้
3. สามารถดึงข้อมูล (Download) ภาพยนตร์มาดูได้
ระบบเครือข่ายอินเทอร์เน็ต
ระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์สามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลกันได้รวดเร็ว
มีการใช้ทรัพยากรร่วมกันโดยผ่านสายสื่อสาร
ซึ่งเราเรียกว่า
การเชื่อมต่อแบบเครือข่าย (Network) ถ้าต่อเชื่อมกันใกล้ ๆ
ในพื้นที่เดียวกันเรียกว่า LAN (Local Area Network)
ถ้าการเชื่อมต่อเครือข่ายทางภูมิศาสตร์ที่ใหญ่ขึ้นกว่า LAN เรียกว่า MAN
(Metropolitan Area Network) ถ้าเชื่อมต่อกันไกล ๆเช่น ข้ามประเทศเรียกว่า WAN (Wide Area Network)
การดำเนินธุรกิจในยุคโลกาภิวัฒน์หรือยุคเทคโนโลยีสารสนเทศนั้น ข้อมูลต่าง
ๆ ขององค์กรมีความสำคัญอย่างมาก และถือเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่
มีค่าที่สุด และถือเป็นหนึ่งในทรัพย์สินที่มีค่าที่สุด
สำหรับการดำเนินธุรกิจในปัจจุบัน
ซึ่งผู้บริหารและองค์กรที่เล็งเห็นถึงประโยชน์
จากการใช้เครือข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศที่ชาญฉลาดในการสื่อสารข้อมูลต่าง ๆ
อย่างมีประสิทธิภาพเท่านั้น
ที่จะได้พบความสำเร็จในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
ตลอดจนสามารถสร้างโอกาสให้กับองค์กรให้มีความได้เปรียบในเชิงธุรกิจ
ในยุคเศรษฐกิจแบบโลกาภิวัฒน์ที่มีการแข่งขันกันสูง
และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว
การเพิ่มขีดความสามารถและความชาญฉลาดเข้าไปในระบบเครือข่ายอย่างมากมาย
ผลที่ตามมาก็คือ
โครงสร้างพื้นฐานในการสื่อสารที่ได้รับการปรับปรุงประสิทธิภาพสำหรับการสื่อ
สารทั้งทางด้านเสียง ภาพและข้อมูลในระบบเครือข่าย
หรือถ้าจะพูดให้ง่ายเข้าก็อาจจะเรียกสั้น ๆ
ได้ว่าเป็นระบบเครือข่ายสารสนเทศอัจฉริยะ
ซึ่งจะเป็นระบบสารสนเทศที่ประกอบไปด้วยความคล่องตัว
ปลอดภัย มีประสิทธิภาพ
และสามารถปรับแต่ง
หรือเพิ่มขยายได้โดยทุกส่วนขององค์ประกอบที่ได้กล่าวมานั้น
สามารถทำงานร่วมกันได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ
ซึ่งในเชิงธุรกิจแล้วนั้นจะมีผลกระทบโดยตรงต่อเป้าหมายขององค์กรธุรกิจ
จากการที่ระบบเครือข่ายสารสนเทศได้เข้ามาผลักดันให้องค์กรทำงานได้อย่างมี
ประสิทธิภาพและย่นระยะเวาลาในการดำเนินโครงการต่าง ๆ
ซึ่งหมายความว่า องค์กรนั้น
ๆ
จะสามารถปรับตัวได้อย่างรวดเร็วตามสภาวะการณ์ของตลาดในปัจจุบันที่มีการ
เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา
ซึ่งถือเป็นเรื่องธรรมดาสำหรับเศรษฐกิจในยุคโลกาภิวัฒน์ที่ได้ย่นย่อโลกของ
เราให้เล็กลงอย่างที่ไม่เคยมีใครคาดคิดมาก่อน
อินเทอร์เน็ต (Internet)
เทคโนโลยีเครือข่ายในปัจจุบันได้พิสูจน์แล้วว่า
เป็นแรงผลักดันในการเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
และช่วยให้การใช้ชีวิตสะดวกง่ายดายยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็นด้านการทำงาน
การเล่น และการเรียนรู้
สำหรับผู้บริหารที่มองโลกในแง่ดีสักหน่อยก็คงเห็นด้วยว่าการนำเทคโนโลยีด้าน
เครือข่ายและสารสนเทศมาใช้งานนั้น
สามารถช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างมาก
ไม่ว่าจะเป็นองค์กรทางภาครัฐหรือภาคเอกชน
เทคโนโลยีเครือข่ายที่มักจะนำมาใช้นั้นที่เรารู้จักกันอย่างก็คือ
“อินเทอร์เน็ต (Internet)”
อินเทอร์เน็ต (Internet) คือ
เครือข่ายคอมพิวเตอร์รูปแบบหนึ่ง แต่เนื่องจากมีขนาดใหญ่
มีผู้ใช้งานหลายสิบล้านคนกระจายไปทั่วโลก
จึงมีข้อมูลมากมายมหาศาลแลกเปลี่ยนกันในเครือข่าย สำหรับประเทศไทยนั้น
อินเทอร์เน็ตเริ่มมีบทบาทอย่างมากในช่วงปี 2530 –2535
โดยเริ่มจากการเป็นเครือข่ายในระบบคอมพิวเตอร์สถาบันการศึกษาโดยมี
มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีแห่งเอเซีย
สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า เจ้าคุณทหารลาดกระบัง
และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นสถาบันแรก ๆ
แล้วจึงเชื่อมต่อเข้าสู่อินเทอร์เน็ตอย่างสมบูรณ์เมื่อเดือนสิงหาคม 2535
จึงมีการเปิดให้บริการอินเทอร์เน็ตในเชิงพาณิชย์
โดยบริษัทแรกที่เปิดดำเนินการเป็นผู้บริการอินเทอร์เน็ต ISP คือบริษัท
KSC คอมเมอเชียล อินเทอร์เน็ต
หลังจากนั้นก็มีการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างแพร่หลายและเจริญเติบโตอย่างรวด
เร็ว ซึ่งขณะนี้เวิร์ลด์ไวด์เว็บ (www.)
กำลังได้รับความนิยมอย่างมากในอเมริกา อย่างไรก็ตาม อินเทอร์เน็ต
บางครั้งก็มีการเรียกย่อเป็น เน็ต (Net) หรือ The Net
ด้วยเช่นเดียวกัน อีกคำหนึ่งที่หมายถึงอินเทอร์เน็ตก็คือ เว็บ (Web) และ
เวิร์ลด์ไวด์เว็บ (World–Wide–Web) จริง ๆ แล้ว
เว็บเป็นเพียงบริการหนึ่งของอินเทอร์เน็ตเท่านั้น
แต่บริการนี้ถือว่าเป็นบริการที่มีผู้นิยมใช้มากที่สุด
บริการต่าง ๆ ของอินเตอร์เน็ต
WWW (World Wide Web) คือ
บริการข่าวสารผ่านทางหน้าเอกสารอินเทอร์เน็ต (เว็บเพจ)
มีรูปแบบเหมือนกับสื่อสิ่งพิมพ์อื่น ๆ เช่น นิตยสารและหนังสือ
แต่มีข้อดีที่ตัวหนังสือของเว็บเพจสามารถเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจอื่น ๆ
ได้ทำให้การค้นหาข้อมูลทำได้โดยง่าย
และยังสามารถเผยแพร่ข้อมูลได้ทั่วโลกได้ทันทีในราคาถูก
ข้อมูลมีทั้งรูปภาพ ข้อความ ภาพเคลื่อนไหว เสียง และวีดีโด
ข้อมูลอยู่ในรูป Interactive Multimedia
FTP (File Transfer Protocol) คือ
บริการไฟล์ผ่านทางอินเทอร์เน็ต เราสามารถนำไฟล์รูปภาพ เสียง ฯลฯ
ลงมาเก็บที่เครื่องของเราโดยผ่านโปรแกรมในการเชื่อมต่อหรือผ่านทางอินเตอร์
เน็ตก็ได้
E–mail (electronic mail) คือ บริการจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ มีความสามารถเหมือนกับจดหมายจริง ๆ แต่ส่งผ่านไปหรือรับทางเครือข่าย
อินเทอร์เน็ตแทน ทำให้เร็วและประหยัดกว่าการส่งจดหมายแบบเดิม
IRC (Internet Relay Chat) เป็นแหล่งพูดคุยกันในอินเทอร์เน็ต สามารถคุยโต้ตอบกันได้ทันที โยการพิมพ์ข้อความ โดยผ่านโปรแกรม
เช่น Pirch, ICQ, Qq–thai เป็นต้น
ค้นหาข้อมูล (Search Engine) เนื่องจากข้อมูลบนอินเทอร์เน็ตมีมากมายเราจึงจำเป็นต้องมีการค้นหาเพื่อให้รวดเร็วและสะดวก ประหยัดเวลาด้วย
Home – page ผู้บริหารสามารถทำ Home – page ของบุคคลหรือองค์กรธุรกิจได้ เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ธุรกิจให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง
การทำธุรกิจบนอินเทอร์เน็ต (E–Commerce) เป็น
การซื้อขายสินค้าและบริการผ่านอินเทอร์เน็ต โดยการสร้าง Home–page
และใส่รายละเอียดของสินค้าลงไป
ถ้ามีผู้สนใจก็สามารถเข้าไปดูรายละเอียดและเจรจาต่อรองหรือสั่งซื้อได้เลย
ปัจจุบันการใช้อินเทอร์เน็ตแพร่หลายใช้ได้สะดวกสบายขึ้น
มีการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือ สำหรับผู้บริหารที่ใช้คอมพิวเตอร์พกพา
โน๊ตบุกส์หรือ
แลปท็อป ก็สามารถใช้อินเทอร์เน็ตไร้สายได้ในทุกสถานที่
ในปัจจุบันการนำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตเข้ามาใช้ในการดำเนินงานมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็นการปฏิวัติธุรกิจจากการดำเนินธุรกิจแบบดั้งเดิมมาเป็นธุรกิจ
แบบอีบิสิเนส (e – Business)
หมายถึง
การนำเทคโนโลยีมาใช้ในทุกระบวนการของการทำงานในองค์กรธุรกิจทั่วไปและการ
สร้างประบวนการโต้ตอบและแลกเปลี่ยนข้อมูลทางอิเล็กทรอนิกส์
ระหว่างองค์กร เช่น
การนำระบบการจัดซื้อออนไลน์ (e–Procurement) หมายถึง
การจัดซื้อจัดจ้างโดยผ่านระบบอินเทอร์เน็ตของหน่วยงานภาครัฐระดับกรมหรือ
ระดับกระทรวง
เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลในการนำเอาเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้
ประโยชน์กับหน่วยงานภาครัฐอย่างเป็นรูปธรรมการทำธุรกิจ
ออนไลน์ (e-Commerce)
เข้ามาใช้ในการติดต่อสัมพันธ์กับเครือข่ายภายนอกองค์กร
หรือแม้กระทั่งการนำเทคโนโลยีอินเทอร์เน็ตมาใช้งานในการสื่อสารภายในองค์กร
เช่น การจัดให้มีระบบ Intranet
ขึ้นในองค์กรเพื่อใช้ในการแจ้งถึงนโยบายและวิธีการปฏิบัติต่างให้กับพนักงาน
ตลอดจนมีการพัฒนามาใช้ในการฝึกอบรม (e-learning)
ภายในองค์กรซึ่งเป็นการลดค่าใช้จ่ายได้อย่างมาก
อินทราเน็ตและเอ็กซ์ทราเน็ต (Intranet and Extranet)
เนื่องจากอินเทอร์เน็ตได้รับความสนใจและมีประโยชน์มากสำหรับองค์กรต่าง ๆ
เพราะสามารถสื่อสารคนจำนวนมากเข้าด้วยกัน
เพื่อเผยแพร่ข้อมูลโดยเสียค่าใช้จ่ายต่ำถึงแม้เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ใช้จะ
ต่างรุ่นต่างแบบกัน ในอดีตองค์กรหลาย ๆ
แห่งเสียค่าใช้จ่ายมหาศาลในการลงทุนกับเทคโนโลยีที่สนับสนุนการแลกเปลี่ยน
ข้อมูลภายในองค์กร ซึ่งผลที่ได้บางครั้งก็ไม่น่าพอใจ
ด้วยเหตุที่องค์กรต่าง ๆ
จึงได้นำเทคโนโลยีอินทราเน็ตเข้ามาใช้
เพื่อเป็นคำตอบสำหรับการสื่อสารข้อมูลภายในองค์กร โดยใช้เทคโนโลยี
เกี่ยวกับอินเทอร์เน็ต
อินทราเน็ต (Intranet) หมายถึง
เครือข่ายเฉพาะส่วนขององค์กรหรือหน่วยงานที่นำซอฟต์แวร์หรือฮาร์ดแวร์
แบบอินเทอร์เน็ตมาประยุกต์ใช้
อินทราเน็ตจึงเป็นเครือข่ายเพื่อระบบงานภายใน
โดยมุ่งเน้นข้อมูลและสารสนเทศเพื่อบริการแก่บุคลากร
โดยมีคอมพิวเตอร์ทำหน้าที่เป็นอินเทอร์เน็ตซอฟต์แวร์เพื่อให้บริการข้อมูลใน
รูปแบบเดี่ยวกับที่ใช้งานในอินเทอร์เน็ตและขยายเครือข่ายไปทุกแผนก
ให้บุคลากรสามารถเรียกค้นข้อมูลและสื่อสารถึงกันได้
ประโยชน์ของอินทราเน็ต
- เผยแพร่เอกสารที่ต้องการสื่อสารให้พนักงานทราบ
ทางอินทราเน็ตโดยนำไปใส่ในเว็บ ซึ่งพนักงานสามารถเปิดดูได้
วิธีนี้สามารถประหยัดกระดาษและลดค่าใช้จ่ายได้มาก
- ลดช่องว่างในการประสานงานระหว่างพนักงาน
สามารถนำข้อมูลที่ต้องการให้ทีมงานออกความคิดเห็น
รวบรวมการตอบสนองที่ได้มาประมวลผลได้ทันทีและสามารถสื่อสารความคืบหน้าของ
งาน ตามงาน และนัดเวลาประชุมได้โดย
- ผ่านอินทราเน็ต
- สามารถเชื่อมต่อระบบอินทราเน็ตกับฐานข้อมูล พนักงานสามารถค้นหาและสอบถามข้อมูลที่ต้องการได้ในทันที
- ลดเวลาในการเรียนรู้ พนักงานใช้อินเทอร์เน็ตเป็นอยู่แล้วไม่ต้องเสียเวลาเรียนรู้ ลดค่าใช้จ่ายในการอบรม
ส่วนเอ็กทราเน็ต
เป็นระบบเครือข่ายที่เกิดจากการประยุกต์ใช้อินทราเน็ต
โดยขยายขอบเขตการใช้เครือข่ายจากภายในไปยังภายนอกองค์กร
ซึ่งในปัจจุบันธุรกิจมักมีเครือข่ายกัน เช่น
ระหว่างผู้ขายวัตถุดิบกับองค์กร
หรือธุรกิจที่มีสามารถอยู่ห่างไกลกันคนละจังหวัด เป็นต้น
ขอบคุณแหล่งที่มา
|
|
|
|
|
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น